''พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๖)
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๖)
องค์พระธีรราชเจ้า
ธ คือปราชญ์ผู้ลือนาม
ทรงก่อตั้งกิจลูกเสือ
การปกครองก็การุณย์
คือ “ดุสิตธานี”
สร้างฐานอันรุ่งเรือง
อุปถัมถ์เนติบัณฑิต
ยกระดับกฎหมายไทย
เป็นศูนย์รวมวิชาชีพ
โปรดเกล้าฯ ตั้ง “ตั้งสภา
วางระเบียบโรงเรียนกฎหมาย
นักกฎหมายจึงจดจำ
ยี่สิบห้าพฤศจิกา
เนติบัณฑิตรวมดวงใจ
|
ผู้ผ่านเผ้าไผทสยาม
ทั่วเขตคามรำลึกคุณ
ด้วยโอบเอื้อเหล่าดรุณ
ธ หนุนสร้างแบบอย่างเมือง
เป็นที่สอนซึ่งปราดเปรื่อง
จำลองเรื่องประชาธิปไตย ทรงค้นคิดแนวทางใหม่ ให้กำเนิด “เนติบัณฑิตยสภา” ทรงเร่งรีบเรื่องศึกษา นิติศึกษา” เป็นหลักนำ ให้แพร่หลายและเลิศล้ำ ที่ ธ ทำเพื่อผองไทย จารึกคุณยิ่งใหญ่ เทิด ธ ไว้ไม่ลืมเลือนฯ |
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า เนติบัณฑิตยสภาในพระบรมราชูปถัมภ์ (ศาสตราจารย์ วิชา มหาคุณ ประพันธ์) |
พระราชประวัติ
พระ
บาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ ๖
แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันเสาร์ เดือนยี่ ขึ้น ๒ ค่ำ
ปีมะโรง จุลศักราช ๑๒๔๒ เวลา ๘ นาฬิกา ๕๕ นาที ตรงกับวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.
๒๔๒๓ เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ ๒๔ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
และพระองค์ที่ ๒ ในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
ทรงได้รับพระราชทานพระนามว่า “สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราวุธ”
สมเด็จพระบรมชนกนาถและสมเด็จพระบรมราชชนนีตรัสเรียกว่า “ลูกโต”
เมื่อพระชนมายุได้ ๘ พรรษา ในปี ๒๔๓๑
ทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ
กรมขุนเทพทวาราวดี ปรากฏพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า
สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ เอกอัครมหาบุรุษบรมนราธิราช
จุฬาลงกรณ์นาถราชวโรรส มหาสมมตขัตติยพิสุทธิ์ บรมมกุฎสุริยสันตติวงศ์
อดิสัยพงศ์วโรภโตสุชาติ คุณสังกาศวิมลรัตน์ ทฤฆชนมสวัสดิขัตติยราชกุมาร
มุสิกนาม ทรงศักดินา ๕๐,๐๐๐
ตามพระราชกำหนดอย่างสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าต่างกรม
ให้ทรงดำรงพระเกียรติยศเป็นชั้นที่ ๒ รองจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร
และได้มีพระราชพิธีโสกันต์ในเดือนธันวาคม พ.ศ.๒๔๓๕
ใน พ.ศ. ๒๔๔๗ ได้ผนวชตามโบราณราชประเพณี ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ประทับจำพรรษาที่วัดบวรนิเวศวิหาร ๑ พรรษา ทรงได้รับสมณฉายาจากสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พระราชอุปัธยาจารย์ว่า “วชิราวุโธ”
ใน พ.ศ. ๒๔๔๗ ได้ผนวชตามโบราณราชประเพณี ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ประทับจำพรรษาที่วัดบวรนิเวศวิหาร ๑ พรรษา ทรงได้รับสมณฉายาจากสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พระราชอุปัธยาจารย์ว่า “วชิราวุโธ”
เมื่อ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคตในวันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๕๓
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ
สยามมกุฎราชกุมารได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติสืบแทนเมื่อเวลา ๐.๔๕ นาฬิกา
ทรงพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกจัดเป็น ๒ งาน คือ
งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเฉลิมพระราชมนเทียรเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน
พ.ศ.๒๔๕๓ และงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภชเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน
พ.ศ.๒๔๕๔
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรด้วยโรคทาง เดินอาหารขัดข้อง ได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่าทรงพระประชวรด้วยโรคพระโลหิตเป็นพิษในพระ อุทรมาตั้งแต่วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๘ และสวรรคต ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๘ เวลา ๑ นาฬิกา ๔๕ นาที พระชนมพรรษาเป็นปีที่ ๔๖ เสด็จดำรงสิริราชสมบัติได้ ๑๕ พรรษา
เนื่อง จากเสด็จสวรรคตเวลา ๑ นาฬิกา ๔๕ นาที ล่วงมาในวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๘ เพียงไม่กี่นาที พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชประสงค์ให้ใช้วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน เป็นวันสวรรคต และวันที่ ๒๖ พฤศจิกายนเป็นวันเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ทางราชการได้กำหนดให้วันที่ ๒๕ พฤศจิกายนของทุกปีเป็นวันที่ระลึกวันมหาธีรราชเจ้า และวันที่ ๒๖ พฤศจิกายนเป็นวันเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรด้วยโรคทาง เดินอาหารขัดข้อง ได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่าทรงพระประชวรด้วยโรคพระโลหิตเป็นพิษในพระ อุทรมาตั้งแต่วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๘ และสวรรคต ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๘ เวลา ๑ นาฬิกา ๔๕ นาที พระชนมพรรษาเป็นปีที่ ๔๖ เสด็จดำรงสิริราชสมบัติได้ ๑๕ พรรษา
เนื่อง จากเสด็จสวรรคตเวลา ๑ นาฬิกา ๔๕ นาที ล่วงมาในวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๘ เพียงไม่กี่นาที พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชประสงค์ให้ใช้วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน เป็นวันสวรรคต และวันที่ ๒๖ พฤศจิกายนเป็นวันเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ทางราชการได้กำหนดให้วันที่ ๒๕ พฤศจิกายนของทุกปีเป็นวันที่ระลึกวันมหาธีรราชเจ้า และวันที่ ๒๖ พฤศจิกายนเป็นวันเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ
อ้างอิง
http://www.108health.com/1
No comments:
Post a Comment